วัวธนู รุ่นแรก หลวงปู่ญาท่านโทน ขันติโก วัดบ้านพับ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ปี ๒๕๕๘... ( เนื้อทองชนวนสด มีจาร No. ๑๘๕๙ ) ... "วัวธนู" รุ่นแรก เนื้อสัมฤทธิ์สร้าง ๑๐๘ ตน, เนื้อปีกเครื่องบิน สร้าง ๙๙๙ ตน, เนื้อทองชนวนสด สร้าง ๑,๙๙๙ ตน สวยเดิมๆครับ

ประวัติย่อ หลวงปู่โทน ขนฺติโก วัดบ้านพับ ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี อายุ ๙๑ ปี ชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงปู่ญาท่าน โทน วาจาสิทธิ์ พระทองคำแห่งเมืองอุบล" หลวงปู่เป็นชาวอุบลราชธานี บวชเมื่ออายุ ๒๐ ปี เมื่อพ้นนวกะ ๕ พรรษาแล้ว ได้ขึ้นกรรมฐานกับ "กรรมฐาน แพง" ศิษย์สำเร็จ ลุน นครจำปาสัก (ญาท่านกรรมฐาน แพง เป็นอาจารย์ของญาท่านสวน วัดนาอุดม) ออกธุดงค์ไปเรียนวิชากับญาท่าน อินทร์ เจ้าตำรับ ประคำสายดำ, หลวงพ่อเคน เรวโต (เคนดงเศรษฐี) ออกจากป่าเมื่อใด บอกขุมทรัพย์ในป่าให้ญาติโยมเสมอ จนได้รับฉายาว่า "ดงเศรษฐี" วัตรปฏิบัติของหลวงปู่ เรียบง่าย อยู่แต่ในกุฏิ ไม่ออกจากวัด ทำอย่างนี้มาตลอดชีวิต ท่านตื่นตี ๑ ทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิในกุฏิ เวลา ๘ โมงจะถือไม้เท้าเดินมาทำวัตรรูปเดียวในอุโบสถ จากนั้นจะเข้ากุฏิไม่ออกมาอีกเลยวลาเพล ท่านจะฉันภัตตาหารที่โยมเตรียมไว้ให้ที่หอฉัน เพิงหมาแหงน มื้อเดียว จากนั้นท่านจะเข้ากุฏิ บ่าย ๓ โมง จะออกจากกุฏิอีกครั้งเพื่อไปทำวัตรเย็นรูปเดียวในอุโบสถ ๕ โมงเย็นออกไปเลี้ยงอาหารไก่ป่า ที่ท่านเสกคาถาเลี้ยงจนเชื่อง จากนั้นไปสรงน้ำที่ห้องน้ำ แล้วเข้ากุฏิจนเช้า ถึงจะออกมาจากกุฏิตอน ๘ โมงเช้าเพื่อทำวัตรเช้าของอีกวันหนึ่ง เป็นอย่างนี้เสมอ หลวงปู่โทน ไม่เคยแสวงหาลาภสักการะจากที่ใด ใครถวายเงินท่าน บาทสองบาท หรือเป็นแสนเป็นล้าน ท่านจะท่องคาถาในลำคอให้พรกับผู้นั้น หลังจากนั้นท่านก็โยนเงินไว้ตรงนั้น ไวยาวัจกรต้องรื้อดู แล้วเก็บไปเข้าบัญชี เพื่อสร้างถาวรวัตถุในวัด ยศศักดิ์หลวงปู่ก็ไม่ต้องการ มีการขอพระราชทานสมณศักดิ์ให้หลวงปู่หลายครั้ง ท่านไม่ยอมเซ็นชื่อ ไม่ให้ทำประวัติ ท่านต้องการเป็น "พระโทน" สาวกของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ลาภยศ คือ กองกิเลส ที่ดับล่อไว้เท่านั้น ท่านบอกว่า ท่านมีหน้าที่ขัดเกลากิเลสให้หมดไป การปลุกเสกพระ ท่านไม่ต้องการให้ใครมาเสกกับท่าน ท่านเสกเดี่ยวองค์เดียว ผิด ถูก ดี ร้าย อย่างไร เขาจะได้ว่าท่านคนเดียว คนอื่นจะได้ไม่มัวหมองไปด้วย

"วัวธนู" เป็นวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์ของท่าน รอคอยกันมากที่สุด เพราะสมัยที่หลวงปู่เดินธุดงค์ ท่านปั้น "วัวธนู" พกใส่ย่าม ให้เฝ้ากลด ขณะที่หลวงปู่นั่งสมาธิภาวนา "วัวธนู" ของท่านได้แสดงอานุภาพ สู้กับ "เสือสมิง" จนไส้ทะลักมาแล้ว คราวหนึ่ง ลูกศิษย์หลวงปู่มาจากหนองคาย มากราบท่านในยามวิกาล หลวงปู่ปิดกุฏิแล้ว เขาเดินดุ่มๆ เข้าไปพบ "วัวตัวสีแดงเพลิง" ตาเป็นประกายสีแดงสด ยกขาตะกุยพื้นดิน พร้อมที่จะวิ่งเข้าใส่ เห็นวัวตาแดงขนไฟจะวิ่งเข้าใส่แน่ จึงร้องเรียกหลวงปู่ให้ช่วย ปรากฏว่า "วัวธนูตาแดง" หายไป กลายเป็นหลวงปู่ถือไม้เท้าเปิดประตูออกมา...ข่าวนี้ทำให้คนทั่วไปไม่กล้าเข้าหาหลวงปู่ในยามวิกาลอีกเลย
"วัวธนู" นี้ ต่อมาน้องชายท่านขอไป เอาไปแล้วได้เกิดอภินิหารต่างๆ นานา ที่สำคัญ "วัวธนู" ได้ช่วยให้กิจการดีวันดีคืนอีกด้วย มาถึงวันนี้ มี "ข่าวดี" จะแจ้งให้ทราบว่า หลวงปู่โทน ได้สร้าง "วัวธนู" รุ่นแรก เรียกว่า "วัวธนูทอง" เพราะหล่อจาก "ทอง" ตามตำรา อาถรรพณ์ คือ ตะปูตรึงโลงผี, เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม, ทองแดงเถื่อน, ดีบุก, ทองขวานฟ้า, ทองยอดนพศูล นำมาหล่อหลอมเข้าด้วยกัน เป็นชนวนหล่อเป็น "วัวธนู" ทรงเครื่องโคนันทิวิสาล ผู้เป็นราชาแห่งโคโพธิสัตว์ รูปร่างกำยำล่ำสัน สวยงามสง่า มีพละกำลังมาก ใครมีไว้แล้วมีแต่คุณ "วัวธนู" รุ่นแรก นี้ สร้างแบบไม่เหมือนใคร ท่านได้ลง "ชาดแดง" ที่ฐาน ทุกองค์ มีอิทธิฤทธิ์มาก ๑๐๘ ประการ แก้เคราะห์ร้าย คุ้มครอง ป้องกัน แก้อาถรรพณ์ เฝ้าบ้าน กันขโมย ปราบปรามภูตผีปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ สรรพคุณล้ำเลิศ ไม่มีภัยอันตรายใดๆ จะกล้ำกรายได้เลย อีกทั้งยังใช้ดีในเรื่องโชคลาภ ค้าขาย เป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยม เรียกมิตร ฐานแดงนี้เป็นเคล็ดลับที่ส่งผลให้วัวธนูนี้มีฤทธิ์แรงเพิ่มพูนขึ้นไปอีก ด้วยอำนาจ บารมี อิทธิพล พลังที่เหนือโลก เหนือคู่แข่งขัน มีพลังทำให้ชนะ ศัตรู ชนะคู่แข่ง ชนะศึกสงคราม ยิ่งกว่านั้น คือ ถ้าดวงไม่ดี ดวงตกต่ำ สิ่งไม่ดีจะเข้ามาซัดใส่ เพราะดวงไม่คุ้ม การที่มี "วัวธนู" อยู่ก็เหมือนมีเทวดาป้องกัน มีเกราะแก้วป้องตัว มีอิทธิฤทธิ์ชนะดวงอาทิตย์ได้ เมื่อนำเข้าบ้าน อย่าตั้งสูงกว่าพระ น้ำเปล่าอย่าให้ขาด น้ำเปล่าที่ให้วัวธนู เอามาล้างหน้า มีสง่าราศี เป็นเสน่ห์ มหานิยม ดีนัก...!!!

393-2-087xx-x